บริษัท โปรไลฟ์ พลัส จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) มีความมุ่งมั่นในการดำเนินการด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง บริษัทฯ จึงได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้การปฏิบัติงานของบริษัทฯ เป็นไปตามกฎหมาย และมาตรฐานสากลในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงกำหนดหลักเกณฑ์ในการให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และมาตรการในการบริหารจัดการ การละเมิดสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสม
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ฉบับนี้มีขอบเขตการบังคับใช้ครอบคลุมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดที่ดำเนินการโดยบริษัทฯ รวมถึงบุคคลใด ๆซึ่งล่วงรู้ข้อมูลส่วนบุคคลเนื่องจากเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัทฯ ซึ่งจะต้องปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ และตามกรอบที่กฎหมายกำหนด ภายใต้ข้อสัญญา ข้อกำหนด รวมทั้งผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน เอกสาร หรือบริการในรูปแบบอื่นที่ควบคุมดูแลโดยบริษัทฯ (รวมเรียกว่า "บริการ")
นอกจากนโยบายฉบับนี้แล้ว บริษัทฯ อาจกำหนดให้มีคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) ("ประกาศ") สำหรับผลิตภัณฑ์ บริการ หรือการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้ข้อสัญญาหรือข้อกำหนดใด ๆ ของบริษัทฯ โดยเฉพาะ เพื่อแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกประมวลผล วัตถุประสงค์ในการประมวลผล ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย ทั้งนี้ ในกรณีที่มีข้อความในประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและนโยบายนี้ขัดแย้งกัน ให้ยึดตามข้อความในประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของบริการหรือการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
สำหรับข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เก็บรวบรวมไว้ก่อนที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ใช้บังคับ ให้บริษัทฯ สามารถเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นได้ต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิม โดยการเปิดเผยและการดำเนินการอื่นที่ไม่ใช่การเก็บรวบรวมและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้นให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
“นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” (Personal Data Protection Policy) หมายความว่า นโยบาย ที่บริษัทฯ จัดทำเพื่อแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงการประมวลผลข้อมูลของบริษัท และรายละเอียดต่าง ๆ ตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้กำหนดไว้
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
“ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” (Sensitive data) หมายความว่า ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
“การประมวลผล” หมายความว่า การเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
“เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” (Data Subject) หมายความว่า บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” (Data Controller) หมายความว่า บุคคลหรือนิติบุคคลอื่นซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ให้รวมไปถึงการอ้างอิงใด ๆ ตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความหมายหรือแสดงความหมายเหมือนกับหรือคล้ายกับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” (Data Processor) หมายความว่า บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมไปถึงการอ้างอิงใดๆ ตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความหมายหรือแสดงความหมายเหมือนกับหรือคล้ายกับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคลที่ดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
“คุกกี้” (Cookies) หมายความว่า ไฟล์คอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ที่จะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวที่จำเป็นลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการติดต่อสื่อสารซึ่งจะมีผลในขณะที่เข้าใช้งานระบบเว็บไซต์เท่านั้น
บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ข้อมูลเฉพาะบุคคล ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับชีวิตส่วนตัว หรือความสนใจส่วนบุคคล ข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว โดยมีแหล่งที่มา และหลักการในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้
3.1 แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจาก 4 ช่องทาง ดังนี้
3.1.1 เก็บรวบรวมโดยตรงจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจากการกรอกข้อมูลส่วนบุคคลผ่านแบบฟอร์มการสมัครใช้บริการทั้งในรูปแบบกระดาษและรูปแบบออนไลน์ การตอบแบบสอบถาม (Survey) การสมัครงาน การลงนามในสัญญาหรือเอกสาร หรือเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลติดต่อสื่อสารกับบริษัทฯ ผ่านช่องทางที่กำหนด
3.1.2 เก็บรวบรวมจากการที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าใช้งานเว็บไซต์ ซอฟต์แวร์ หรือแอปพลิเคชันตามสัญญาให้บริการ เช่น การติดตามพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ ผลิตภัณฑ์ หรือบริการของบริษัทฯ ด้วยการใช้คุกกี้ (Cookies) หรือจากซอฟต์แวร์บนอุปกรณ์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น
3.1.3 เก็บรวบรวมจากผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ (social media) หรือผู้ให้บริการบัญชีผู้ใช้งานภายนอกซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตนกับบริษัทฯ เพื่อเชื่อมต่อบัญชีผู้ใช้งานที่มีกับผู้ให้บริการภายนอกกับบริการของบริษัทฯ ในกรณีนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เปิดเผยแก่บริษัทฯ จะเป็นไปตามการตั้งค่าของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้นโยบายความเป็นส่วนตัวของผู้ให้บริการภายนอกรายนั้น
3.1.4 เก็บรวบรวมจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่จากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง ซึ่งบริษัทฯ สามารถเก็บรวบรวมจากแหล่งข้อมูลดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแล้วในการเปิดเผยข้อมูลแก่บริษัทฯ เช่น การสืบค้นข้อมูลส่วนบุคคลผ่านระบบเว็บไซต์ การสอบถามจากบุคคลที่สาม หรือการเปิดเผยโดยบริษัทในเครือหรือบริษัทในกลุ่ม พันธมิตรทางธุรกิจ หรือบุคคลที่สามเพื่อวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้ โดยบริษัทฯ จะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบโดยไม่ชักช้า แต่ต้องไม่เกิน 30 (สามสิบ) วันนับแต่วันที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งดังกล่าว รวมถึงจะดำเนินการขอความยินยอมในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่กรณีที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมหรือแจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด
ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล เช่น
ประเภทข้อมูลส่วนบุคคล | รายละเอียดและตัวอย่าง |
---|---|
ข้อมูลเฉพาะตัวบุคคล | คำนำหน้า ชื่อ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนหรือหมายเลขหนังสือเดินทาง สัญชาติ ข้อมูลทะเบียนบ้าน ข้อมูลใบอนุญาตขับรถ ลายมือชื่อ หมายเลขประกันสังคม หรือเอกสารราชการอื่น ๆ ที่สามารถระบุตัวต |
ข้อมูลเกี่ยวกับคุณลักษณะของบุคคล | วันเดือนปีเกิด เพศ ส่วนสูง น้ำหนัก อายุ สถานภาพการสมรส สถานภาพการเกณฑ์ทหาร รูปถ่าย ภาษาพูด ข้อมูลพฤติกรรม ความชื่นชอบ ข้อมูลการเป็นบุคคลล้มละลาย ข้อมูลการเป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ เป็นต้น |
ข้อมูลสำหรับการติดต่อ | ข้อมูลสำหรับการติดต่อ เบอร์โทรศัพท์บ้าน เบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่ หมายเลขโทรสาร อีเมล ที่อยู่ทางไปรษณีย์ ชื่อผู้ใช้งานในสังคมออนไลน์ (บัญชีผู้ใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน Line, Facebook, Apple, Google หรือ Microsoft) แผนที่ตั้งของที่พัก เป็นต้น |
ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานและการศึกษา | รายละเอียดการจ้างงาน รวมถึงประวัติการทำงานและประวัติการศึกษา เช่น ประเภทการจ้างงาน อาชีพ ยศ ตำแหน่ง หน้าที่ ความเชี่ยวชาญ สถานภาพใบอนุญาตทำงาน ข้อมูลบุคคลอ้างอิง ข้อมูลบุคคลที่ติดต่อกรณีฉุกเฉิน หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี ประวัติการดำรงตำแหน่ง ประวัติการทำงาน ข้อมูลเงินเดือน วันเริ่มงาน วันออกจากงาน ผลการประเมิน สวัสดิการและสิทธิประโยชน์ พัสดุในครอบครองของผู้ปฏิบัติงาน ผลงาน หมายเลขบัญชีธนาคาร สถาบันการศึกษา วุฒิการศึกษา ผลการศึกษา วันที่สำเร็จการศึกษา ข้อมูลการเข้าออกสถานที่ทำงาน ข้อมูลการเข้าออกของเวลาปฏิบัติงาน เป็นต้น |
ข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางสังคม | ข้อมูลความสัมพันธ์ทางสังคมของท่าน เช่น สถานภาพทางการเมือง การดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้อมูลการเป็นผู้มีส่วนได้เสียในกิจการที่ทำกับบริษัทฯ |
ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการ | รายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ เช่น ชื่อบัญชีผู้ใช้งาน รหัสผ่าน หมายเลข PIN รหัส OTP ข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์ ข้อมูลระบุพิกัด ภาพถ่าย วีดีโอ บันทึกเสียง ข้อมูลพฤติกรรมการใช้งาน ประวัติการสืบค้น คุกกี้ (cookies) หรือเทคโนโลยีในลักษณะเดียวกัน หมายเลขอุปกรณ์ (Device ID) ประเภทอุปกรณ์ รายละเอียดการเชื่อมต่อ ข้อมูล Browser ภาษาที่ใช้งาน ระบบปฏิบัติการที่ใช้งาน เป็นต้น |
ข้อมูลทางการเงินและการทำธุรกรรม | ข้อมูลเกี่ยวกับการเงิน สถานภาพทางการเงิน หรือประวัติทางการเงิน เช่น เลขที่บัญชีเงินฝาก ประวัติการทำธุรกรรม ประวัติการชำระสินเชื่อ แบบแสดงรายการภาษีเงินได้ ใบแจ้งรายได้ ข้อมูลการชำระค่าสาธารณูปโภค ข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สิน เป็นต้น |
ข้อมูลเกี่ยวกับยานยนต์ | ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับรถและการจดทะเบียน เช่น เลขทะเบียนรถยนต์ หมายเลขเครื่องยนต์ ข้อมูลการจดทะเบียนรถ ข้อมูลระบบจีพีเอส เป็นต้น |
ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว | ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน เช่น เชื้อชาติ ข้อมูลศาสนา ข้อมูลความพิการ ข้อมูลความเห็นทางการเมือง ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลชีวภาพ (อาทิ ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า) ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ เป็นต้น |
ข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ | เช่น ข้อมูลวิเคราะห์สถิติทางการตลาดของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลภาพวิดีทัศน์กล้องวงจรปิด (CCTV) ข้อมูลบทสนทนาและการสื่อสารทางโทรศัพท์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น |
3.2 หลักการในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
3.2.1 ฐานกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ พิจารณากำหนดฐานกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลตามความเหมาะสมและตามบริบทของการให้บริการและการปฏิบัติตามสัญญา ตลอดจนการปฏิบัติตามกฎหมาย โดยฐานกฎหมายหลักที่บริษัทฯ ใช้ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมี ดังนี้
ฐานกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูล | รายละเอียด |
---|---|
เพื่อการปฏิบัติตามสัญญา | เพื่อให้บริษัท ฯ สามารถเข้าทำสัญญากับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าว อาทิ สัญญากู้ยืม สัญญาให้บริการ สัญญาจ้างแรงงาน สัญญาจ้างทำของ |
เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย | เพื่อให้บริษัทฯ สามารถปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ กฎหมายว่าด้วยภาษี กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายประกันภัย ตลอดจนการดำเนินการตามคำสั่งศาล |
เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์อันชอบธรรม | เพื่อการดำเนินการใด ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์อันชอบธรรมของบริษัทฯ และของบุคคลอื่นซึ่งประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถคาดหมายได้ อาทิ การยืนยันและตรวจสอบตัวตน การอำนวยความสะดวกในการเข้าใช้บริการ การนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่อยู่ในประเภทเดียวกันกับที่ลูกค้ามีอยู่ การพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ การป้องกันการฉ้อโกง การรักษาความปลอดภัยของบริษัทฯ การพัฒนาและปรับปรุงขั้นตอนการปฏิบัติงานและระบบงานภายใน การกำกับภายในของบริษัทในเครือและบริษัทในกลุ่ม รวมถึงเพื่อประโยชน์ในการบริหารความเสี่ยง การกำกับและตรวจสอบ และการบริหารจัดการภายในองค์กร |
เป็นการจำเป็นเพื่อการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล | เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล อาทิ การติดต่อบุคคลอ้างอิงกรณีที่เจ้าของข้อมูลหมดสติ การเฝ้าระวังและป้องกันโรคระบาด |
ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจพิจารณาใช้ฐานกฎหมายอื่นนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ข้างต้นสำหรับการให้บริการหรือการดำเนินธุรกิจของบริษัทก็ได้ ทั้งนี้ ภายใต้หลักเกณฑ์ตามกฎหมาย
3.2.2 บริษัทฯ จะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ เท่านั้น ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจมีวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่แตกต่างกันไปตามแต่กรณี เช่น
วัตถุประสงค์ | รายละเอียด |
---|---|
เพื่อดำเนินการตามคำร้องขอของเจ้าข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญา และเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างบริษัทฯ กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล | การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อความจำเป็นในการเข้าใช้บริการหรือเข้าทำสัญญากับบริษัทฯ อาทิ การเข้าใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่อยู่ภายใต้เครื่องหมายทางการค้า/เครื่องหมายบริการ PROLIFE PLUS, การเข้าใช้บริการ Website All living |
เพื่อยืนยันตัวตนหรือตรวจสอบบุคคล | การยืนยันตัวตนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนจะให้บริการหรือเข้าทำสัญญาด้วยวิธีที่บริษัทฯ กำหนด หรือตรวจสอบตัวตนในการทำธุรกรรม รวมทั้งพิสูจน์ลายมือชื่อว่าเป็นของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจริง |
เพื่อตอบคำถามและให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้า | การให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการ อาทิ การให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปรับปรุงข้อมูลของลูกค้า การชำระค่าบริการ ประวัติการชำระหนี้ หรือการส่งคำร้องขอใช้สิทธิหรือข้อร้องเรียนต่าง ๆ |
เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การบริการ หรือการประชาสัมพันธ์ทางการตลาด | การเสนอขายหรือนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการ ข้อเสนอพิเศษ สิทธิประโยชน์ และโปรโมชั่นโดยบริษัทฯ ให้แก่ลูกค้า รวมถึงการเสนอขายหรือนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการโดยบริษัทในกลุ่ม บริษัทในเครือ ตลอดจนพันธมิตรทางธุรกิจผ่านช่องทางการติดต่อที่ได้รับจากลูกค้า |
เพื่อพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ | การวิจัย วิเคราะห์ และพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัทฯ รวมถึงบริษัทในเครือและบริษัทในกลุ่ม ให้ดียิ่งขึ้นและเหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า |
เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) | การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ซึ่งอยู่ภายใต้วัตถุประสงค์ที่ชอบด้วยกฎหมาย อาทิ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทฯ บริษัทในเครือและบริษัทในกลุ่ม การบริหารความเสี่ยงภายในองค์กร การป้องกันการฉ้อโกง |
เพื่อตรวจสอบและปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ | การตรวจสอบและปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศขององค์กรให้เป็นไปอย่างสอดคล้องกับมาตรฐานสากลและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง อาทิ การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบ การตรวจสอบระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การทดสอบเจาะระบบ (penetration test) |
เพื่อตรวจสอบและป้องกันการกระทำที่ละเมิดกฎหมาย | การตรวจสอบและการดำเนินการใดๆ เพื่อป้องกันการกระทำความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการละเมิดความปลอดภัยที่ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ และเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล |
เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ | การปฏิบัติตามกฎหมายที่บังคับใช้กับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ อาทิ การจัดเก็บข้อมูลเพื่อใช้ในการหักภาษี ณ ที่จ่าย การตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติตาม กฎหมายว่าด้วยการทวงถามหนี้ กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภค |
เพื่อให้ข้อมูลแก่หน่วยงานราชการตามที่กฎหมายกำหนดหรือตามการร้องขอโดยหน่วยงานของรัฐ | การนำส่งและการชี้แจงข้อมูลแก่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายหรือเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจตามกฎหมาย หรือองค์กรของรัฐที่อาจเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ |
เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการภายในองค์กร | การบริหารจัดการภายในองค์กรในด้านต่าง ๆ อาทิ การกำกับดูแลให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลบริษัทฯ และจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจของบริษัทในเครือและบริษัทในกลุ่ม การบริหารความเสี่ยงขององค์กร การป้องกันการทุจริตภายในองค์กรและการต่อต้านการติดสินบน |
เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการด้านทรัพยากรบุคคล | การบริหารและการจัดการด้านทรัพยากรบุคคลของบริษัทฯ รวมทั้งบริษัทในเครือและบริษัทในกลุ่ม อาทิ การรับสมัครบุคลากร การตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของบุคลากร การจ่ายเงินเดือนและค่าตอบแทนแก่ลูกจ้างและผู้ฝึกหัดงาน การมอบสวัสดิการ การประเมินผลงานหรือศักยภาพของลูกจ้าง การตรวจสอบการปฏิบัติงานของลูกจ้าง การป้องกันโรคติดต่อและโรคระบาด การปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน การดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยห้างหุ้นส่วนบริษัท |
เพื่อวัตถุประสงค์ในการทำธุรกรรมของบริษัทฯ | การทำธุรกรรมของบริษัทฯ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ อาทิ การซื้อขายทรัพย์สิน การจัดซื้อจัดจ้าง การจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อการดำเนินธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ การแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ การออกตราสารหนี้ตามกฎหมาย การโอนกิจการ |
เพื่อวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งสิทธิทางกฎหมายและการดำเนินคดี | การระงับข้อพิพาทและการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม การฟ้องคดี ตลอดจนการดำเนินการตามหมายศาล คำสั่งศาล หรือคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ |
3.2.3 บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมายที่ได้แจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้ก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายกำหนดให้บริษัทฯ สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยไม่ต้องขอความยินยอม
3.2.4 ในกรณีเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือสัญญาหรือมีความจำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อเข้าทำสัญญา หรือต้องให้ข้อมูลด้วยประการอื่นใด หากเจ้าของข้อมูลไม่ให้ข้อมูลดังกล่าวนั้น อาจส่งผลให้ธุรกรรมหรือกิจกรรมอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถูกระงับ หรือหยุดลงชั่วคราว จนกว่าบริษัทฯจะได้รับข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทฯ ไม่สามารถประมวลผลข้อมูลเหล่านั้นได้ หรือกฎหมายกำหนดห้ามมิให้มีการดำเนินธุรกรรมหรือกิจกรรมนั้นอีกต่อไป
3.2.5 สำหรับการประมวลผลภายใต้ความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ได้ให้ความยินยอมไว้ บริษัทฯ จะไม่ดำเนินการประมวลผลใด ๆ กับข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องขอความยินยอมนั้น ทั้งนี้ การไม่ให้ความยินยอมของเจ้าข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว ย่อมไม่กระทบต่อการเข้าทำสัญญาหรือการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลและบริษัทฯ หรือส่งผลกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่กรณีจำเป็นที่กฎหมายกำหนดให้ต้องขอความยินยอมเพื่อการประมวลผลเท่านั้น นอกจากนี้ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถขอถอนความยินยอมได้ทุกเมื่อและทำได้โดยง่ายเหมือนขอความยินยอม อย่างไรก็ดี การถอนความยินยอมดังกล่าวไม่กระทบต่อความสมบูรณ์ของการประมวลผลที่ได้ดำเนินการไปก่อนหน้านั้น
3.2.6 การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว หากไม่เข้าข้อยกเว้นตามกฎหมาย บริษัทฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนหรือขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวดังกล่าว ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่บริษัทฯ กำหนดโดยไม่ขัดต่อกฎหมาย การที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลปฏิเสธไม่ให้ความยินยอม อาจส่งผลให้ไม่สามารถเข้าถึงบริการบางอย่างที่ไม่สามารถใช้ฐานทางกฎหมายอื่นได้นอกจากการขอความยินยอมโดยชัดแจ้งเพื่อประมวลผลข้อมูลนั้น
3.2.7 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ และคนเสมือนไร้ความสามารถ กรณีที่บริษัทฯ ทราบว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมในการเก็บรวบรวม เป็นของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ บริษัทฯ จะไม่ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจนกว่าจะได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ หรือผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ตามแต่กรณี ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
กรณีที่บริษัทฯ ไม่ทราบมาก่อนว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ และมาพบในภายหลังว่าบริษัทฯ ได้เก็บรวบรวมข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวโดยปราศจากความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ หรือผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ตามแต่กรณี บริษัทฯ จะดำเนินการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้นโดยเร็วหากไม่มีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายอื่นใดนอกเหนือจากความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว
4.1 หลักการพื้นฐาน การใช้และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ มีวัตถุประสงค์และหลักการดำเนินการที่สอดคล้องตามข้อ 3.2 หลักการในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นให้แก่หน่วยงานหรือบุคคลภายนอกภายใต้ความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น เว้นแต่จะได้กระทำภายในกรอบที่กฎหมายให้อำนาจไว้ ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลอาจถูกเปิดเผยให้แก่บุคคลภายนอก องค์กร หรือหน่วยงานของรัฐ ดังต่อไปนี้
4.2 คุกกี้ (Cookies) บริษัทฯ เก็บรวบรวมและใช้คุกกี้รวมถึงเทคโนโลยีอื่นในลักษณะเดียวกันในเว็บไซต์ที่อยู่ภายใต้ความดูแลของบริษัทฯ หรือบนอุปกรณ์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ เพื่อการดำเนินการด้านความปลอดภัยในการให้บริการของบริษัทฯ และให้ผู้ใช้งานได้รับความสะดวกและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานบริการของบริษัทฯ โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปเพื่อปรับปรุงเว็บไซต์ของบริษัทฯ ให้ตรงกับความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น โดยท่านสามารถตั้งค่าหรือลบการใช้งานคุกกี้ได้ด้วยตนเองจากการตั้งค่าในเว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) ของท่าน
บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของบริการแต่ละประเภท ตามระยะเวลาที่มีสัญญาหรือนิติสัมพันธ์ตามกฏหมายที่บังคับใช้ระหว่างท่านและบริษัท เว้นแต่เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับกับบริษัท หรือเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดในการปฏิบัติงานภายในของบริษัท หรือเพื่อดำเนินการตามข้อเรียกร้องทางกฎหมายหรือกรณีที่หน่วยงานกำกับดูแลร้องขอ ซึ่งข้อมูลจะถูกจัดเก็บรักษาไว้ต่อไปตามระยะเวลาที่เหมาะสมและจำเป็นสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท
บริษัทฯ จะดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามมาตรฐานการทำลายข้อมูลของบริษัทฯ เมื่อพ้นระยะเวลาจัดเก็บหรือบริษัทฯ ไม่มีสิทธิหรือไม่สามารถอ้างฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นต้องโอนข้อมูลของท่านไปยังกลุ่มบริษัท หรือกลุ่มพันธมิตรที่บริษัทเป็นคู่สัญญาหรือมีนิติสัมพันธ์ตามกฎหมาย รวมทั้งแพลตฟอร์มของคลาวด์ (Cloud) ในต่างประเทศ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของท่านหรือประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจในภาพรวม ซึ่งข้อมูลเหล่านั้นจะได้รับความคุ้มครองตามมาตรฐานการคุ้มครองส่วนบุคคล
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถขอใช้สิทธิของท่านภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และนโยบายที่กำหนดไว้ในขณะนี้หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต โดยสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ หรือขอใช้สิทธิด้วยตัวท่านเองตามช่องทางที่บริษัทฯ กำหนดไว้ เพื่อยื่นคำร้องโดยบริษัทฯ จะขอให้ท่านแสดงหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าท่านเป็นเจ้าของข้อมูลจริง
บริษัทฯ อาจมีการเรียกเก็บค่าบริการตามแต่กรณีหากพบว่าคำขอของท่านไม่มีมูล ซ้ำซาก หรือมีจำนวนมากเกินจำเป็น และบริษัทอาจปฏิเสธคำร้องขอใช้สิทธิที่ไม่สุจริต/ไม่สมเหตุสมผล/ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง หรืออาจปฏิเสธคำร้องขอของท่านตามหลักเกณฑ์อื่นใดที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
7.1 สิทธิขอถอนความยินยอม (right to withdraw consent) เมื่อท่านให้ความยินยอมกับบริษัทฯ เพื่อวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งอย่างใดโดยเฉพาะแล้ว ท่านมีสิทธิถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่เป็นกรณีที่มีข้อจำกัดสิทธิตามกฎหมาย หรือเกี่ยวข้องกับสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน ทั้งนี้การถอนความยินยอมอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของท่านจึงควรศึกษา สอบถามถึงผลกระทบก่อนการดำเนินการใช้สิทธิดังกล่าว หากการถอนความยินยอมของท่านทำให้บริษัทไม่สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์หรือให้บริการบางอย่างให้แก่ท่านได้ บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงผลกระทบจากการถอนความยินยอม ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้ให้ความยินยอมไว้แล้วโดยชอบก่อนการถอนความยินยอมดังกล่าว
7.2 สิทธิขอเข้าถึงข้อมูลและขอรับสำเนา (right of access and copy) ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ขอรับสำเนาส่วนบุคคลของท่าน เช่น สำเนาใบแจ้งหนี้ สำเนาใบเสร็จ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่บริษัทฯ กำหนด หรือขอให้เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจปฏิเสธคำขอของท่านได้ตามกฎหมายกำหนดหรือตามคำสั่งศาล หรือกรณีคำขอของท่านจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
7.3 สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability) ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในกรณีที่บริษัทฯ ได้ทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนไปยังบุคคลภายนอก หรือขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้ส่งหรือโอนไปยังบุคคลภายนอก เว้นแต่บริษัทฯ ไม่สามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ หรือโดยสภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้ หรือบริษัทฯ มีเหตุในการปฏิเสธคำขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย
7.4 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object) ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ อย่างไรก็ดี หากท่านยื่นคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยเป็นไปเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยบน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ หรือเพื่อภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ บริษัทฯ อาจจะยังคงการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยต่อไป หากบริษัทฯ แสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่าหรือเป็นไปเพื่อการก่อตั้ง สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจปฏิเสธคำขอของท่านได้ตามกฎหมายกำหนดหรือตามคำสั่งศาล หรือกรณีที่คำขอของท่านจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคลอื่น
7.5 สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing) ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราว ในกรณีที่บริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทฯ หมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ท่านขอใช้สิทธิให้บริษัทระงับการใช้แทน
7.6 สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure) ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ลบหรือทำลายข้อมูลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ เว้นแต่กรณีที่บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องปฏิบัติตามสัญญาสำหรับการให้บริการหรือมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการปฏิเสธคำขอของท่าน
7.7 สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification) ท่านมีสิทธิขอแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ และทำให้ข้อมูลของท่านเป็นปัจจุบันได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย
7.8 สิทธิในการร้องเรียน (right to complaint) ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลได้ โดยท่านสามารถแจ้งมาที่ช่องทางการติดต่อของบริษัทเพื่อฯ ได้รับการตรวจสอบชี้แจงหรือแก้ไขข้อกังวลต่างๆ จากบริษัทก่อน หรือร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่มีอำนาจในการกำกับดูแลตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
อย่างไรก็ดี บริษัทฯ อาจปฏิเสธการใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้นของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามหลักเกณฑ์ที่บริษัทฯ กำหนด โดยไม่ขัดต่อกฎหมาย
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้นได้โดยส่งคำร้องมายังบริษัทฯ ผ่านช่องทางติดต่อ โดยบริษัทฯ จะดำเนินการจัดการกับคำร้องของท่านไม่เกิน 30 (สามสิบ) วันนับแต่ที่ได้บริษัทฯ ได้รับคำร้อง ในกรณีที่บริษัทฯ ปฏิเสธคำร้องขอข้างต้น บริษัทฯ จะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบ
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจตามกฎหมายในกรณีที่บริษัทฯ ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ลูกจ้าง หรือผู้รับจ้างของบริษัทฯ ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
บริษัทฯ กำหนดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง การใช้ การเปลี่ยนแปลง การแก้ไข หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีอำนาจหรือโดยขัดต่อกฎหมาย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและวิธีปฏิบัติด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศของบริษัทฯ และกฎหมายที่บังคับใช้
ในกรณีที่บริษัทฯ ได้ว่าจ้างหน่วยงานหรือบุคคลภายนอกให้ดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะกำหนดให้หน่วยงานหรือบุคคลภายนอกดังกล่าว เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นความลับ และรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว รวมถึงป้องกันมิให้นำข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย เพื่อการอื่นใดที่ไม่เป็นไปตามขอบเขตการว่าจ้าง หรือขัดต่อกฎหมาย
บริการของบริษัทฯ อาจมีการเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์หรือบริการของบุคคลที่สาม ซึ่งเว็บไซต์หรือบริการดังกล่าวอาจมีการประกาศใช้นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่มีเนื้อหาสาระแตกต่างจากนโยบายของบริษัทฯ ดังนั้น เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลควรศึกษานโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์ หรือ บริการดังกล่าว ก่อนการเข้าใช้งาน ทั้งนี้ บริษัทฯ ไม่มีความเกี่ยวข้องและไม่มีอำนาจควบคุมถึงมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์หรือบริการดังกล่าว และไม่สามารถรับผิดชอบต่อเนื้อหา นโยบาย ความเสียหาย หรือการกระทำอันเกิดจากเว็บไซต์หรือบริการของบุคคลที่สาม
บริษัทฯ อาจมีการมอบหมายหรือจัดซื้อจัดจ้างบุคคลที่สาม (ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล) ให้ทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของบริษัทฯ ซึ่งบุคคลที่สามดังกล่าวอาจเสนอบริการในลักษณะต่าง ๆ อาทิ การเป็นผู้ดูแล (Hosting) รับงานบริการช่วง (Outsourcing) ผู้ให้บริการคลาวด์ (Cloud Computing Service Provider) ผู้ให้บริการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรืองานสนับสนุนการให้บริการหรือการบริหารจัดการภายในของบริษัทฯ (เช่น การติดตามทวงถามหนี้ การให้บริการด้านข้อมูลแก่ลูกค้า การจัดทำ Slip เงินเดือน การจัดทำแบบสำรวจความคิดเห็น การวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า การมอบหมายให้บุคคลที่สามทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนบริษัทฯ ในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น บริษัทฯ จะจัดให้มีข้อตกลงซึ่งระบุสิทธิและหน้าที่ระหว่างบริษัทฯ และบุคคลที่บริษัทฯ มอบหมาย โดยบุคคลดังกล่าวในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามขอบเขตที่ระบุในข้อตกลงและตามคำสั่งของบริษัทฯ เท่านั้นโดยไม่สามารถประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ในกรณีที่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีการมอบหมายผู้ให้บริการช่วง (ผู้ประมวลผลช่วง) เพื่อทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น บริษัทฯ จะกำกับให้ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจัดให้มีเอกสารข้อตกลงระหว่างผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลกับผู้ประมวลผลช่วง ในรูปแบบและมาตรฐานที่ไม่ต่ำกว่าข้อตกลงระหว่างบริษัทฯ กับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ จะจัดให้มีการทบทวนและปรับปรุงนโยบายฉบับนี้อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง หรือเมื่อเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบต่อนโยบายอย่างมีนัยสำคัญ ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงบริษัทฯ จะแจ้งนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับใหม่ไว้บนเว็บไซต์ของบริษัทฯ
รายละเอียดผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ชื่อ : บริษัท โปรไลฟ์ พลัส จำกัด (มหาชน) สถานที่ติดต่อ : เลขที่ 109/8,109/9 ถนนสะแกงาม แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ 10150 ช่องทางการติดต่อ : 02-451-6923 ต่อ 308 www.prolifeplus.co.th Line@ : @prolifeplus / Facebook : Prolife Plus ผลิตสื่อโฆษณาครบวงจร
รายละเอียดคณะทำงานด้านการกำกับดูแลการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล สถานที่ติดต่อ : เลขที่ 109/8,109/9 ถนนสะแกงาม แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ 10150 ช่องทางการติดต่อ : 02-451-6923 ต่อ 308 E-mail : [email protected]
ประกาศ ณ วันที่ 18 เมษายน 2566 (นางเบญญาดา รุ่งโรจน์) ประธานกรรมการบริหาร